ิธีลด Development Cost ด้วย MVP ของ Startup

Business
5 mins read
5 mins read

Published

10 March, 2020

Language

English

Written by

Share

วิธีลด Development Cost ด้วย MVP ของ Startup

ทุกวันนี้ การมีธุรกิจของตัวเองยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีบริษัท startup เกิดขึ้นใหม่ทุกวันทั่วโลก แต่มีจำนวนน้อยมากที่ประสบความสำเร็จ จึงเกิดคำถามที่ว่า จะทำยังไงให้เราโชคดีแบบนั้น คำตอบคือไม่มีความโชคดีใด ๆ ที่ช่วยคุณได้ คุณต้องทำงานหนัก ลงแรงเพื่อที่จะได้มันมา

เมื่อพูดว่าเป็น startup แล้วแน่นอนว่าทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ เราจะยังไม่มีตลาดและกลุ่มลูกค้าที่แน่นอน เราจะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เรารู้ว่าเราไปถูกทางได้เร็วที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นที่หลายคนนิยมทำกันมานานแล้วก็คือ การทำ ​MVP

MVP คืออะไร

MVP ย่อมาจาก Minimum Viable Product คำนิยามของ MVP โดย Steve Blank และ Eric Ries คือ สินค้าที่มีเฉพาะฟีเจอร์ที่สามารถใช้วัดตลาดและกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยใช้กำลังและเวลาในการพัฒนาให้น้อยที่สุด ซึ่งวิธีการนี้ได้รับการรับรองแล้วว่าได้ผลจริงจากบริษัทใหญ่หลายบริษัทที่ก็ใช้ MVP เป็นจุดเริ่มต้นเช่นกัน

มาดูรูปตัวอย่างของคอนเซ็ปต์การทำ MVP กันบ้าง


(Photo credit: interactiondesign.org)


จากรูปจะเห็นว่า แทนที่เราจะเลือกทำแบบภาพใหญ่ทีเดียว (มีครบทุกฟีเจอร์ตั้งแต่แรกแบบภาพบน) การเปลี่ยนมาทำแบบรูปล่าง (เริ่มจากเป็นสเก็ตบอร์ด แล้วค่อย ๆ ขยายจนเป็นรถยนต์) จะทำให้ลดความเสี่ยงในการทำสินค้าออกมาไม่ตอบโจทย์ของลูกค้าได้มากกว่า ลดเวลาในการพัฒนา ขายสินค้าได้เร็วขึ้น และได้รับ feedback จากลูกค้าเร็วขึ้น

เริ่มต้นการทำ MVP

การจะเริ่มทำ MVP สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามีความต้องการของตลาดจริง

  • สินค้าที่เรากำลังจะพัฒนาทำมาเพื่อแก้ปัญหาอะไร
  • ใครคือกลุ่มคนที่มีปัญหานั้นอยู่ (กลุ่มลูกค้า)
  • แล้วปัญหานั้นใหญ่แค่ไหน 
  • ปัจจุบันกลุ่มคนเหล่านั้นแก้ปัญหากันอย่างไร
  • อะไรคือจุดเสี่ยงที่จะทำให้คนไม่ใช้สินค้า (เช่น กรณีของ AirBnb จะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ผู้คนจะยอมเสี่ยงให้คนแปลกหน้าเข้ามาพักในบ้านได้หรือไม่)

ขั้นตอนถัดไปคือ การหาฟีเจอร์ที่เป็น Must-have (จำเป็นต้องมี) และ Nice-to-have (มีก็ดี) ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการจะเปิดร้านออนไลน์เพื่อขายจักรยานรุ่น Limited ฟีเจอร์ Must-have แรกที่ต้องมีคือลูกค้าต้องซื้อสินค้าได้ ส่วนฟีเจอร์ Nice-to-have ก็อาจจะเป็น การใช้งานส่วนลดหรือคูปองในเว็บไซต์ได้

ให้เราถามคำถามกับทุกฟีเจอร์ที่ต้องการใส่เข้าไปใน MVP ว่า เมื่อเอาเข้ามาแล้ว มันช่วย Validate ไอเดียของสินค้านั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจไดหรือไม่

เมื่อเราได้ฟีเจอร์ของ MVP ออกมาแล้ว สิ่งที่เหลือก็คือพัฒนามันออกมาแล้วคอยตรวจสอบ feedback จากลูกค้าเท่านั้น!

ยังไม่แน่ใจในไอเดียของตัวเอง หรืออยากได้คำปรึกษาในการทำ MVP ปรึกษาเราได้เลย!

Written by
Senna Labs
Senna Labs

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Beyond the Labs

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพInbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วยหลักการของ Inbound MarketingAttractสร้าง
20 August, 2025

by

How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
20 August, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุดตัวอย่างการทำ Pivotตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริงPivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภทCustomer Need
20 August, 2025

by

SAY
Say Hello
HELLO
Get started

Let's build digital products that are simply awesome!

SAY
Say Hello
HELLO
Get started

Let's build digital products that are simply awesome!

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy